✪ บทความฟุตบอล | โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ชาว LGBTQ แห่งแวดวงลูกหนัง ✪

บทความฟุตบอล | โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์

บทความฟุตบอล | โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ กัปตันทีมชาติเยอร์มัน
เผยกับสื่อว่าตนเป็นชาว LGBTQ ?!

บทความฟุตบอล | โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ที่เป็นชาว LGBTQ และผู้คน ณ ตอนนั้นก็คิดว่ากีฬาฟุตบอลนับว่าเป็นกีฬาของลูกผู้ชายเลยก็ว่าได้ ทั้งการใช้ไหวพริบ สัญชาติญาณ และห่ำหั่นกันตลอดเวลาเพื่อคว้าชัยชนะ แต่นั้นมันไม่จริงแล้วในยุคนี้ กับตันทีมชาติเยอร์มันชุดใหญ่อย่าง “โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์” ได้ประกาศให้โลกรู้ว่าเขาคือชาว “LGBTQ” ในช่วงที่การเหยียดเพศ และการเพยียดสีผิวกำลังเป็นเรื่องดุเดือดมากในปัจจุบัน

เพศทางเลือกอย่าง LGBTQ ช่วงยุคก่อนนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีไครยอมรับ และไม่สามารถเปิดเผยได้เหมือน ณ ปัจจุบัน หากย้อนไปประมาน 30 ปีที่แล้ว เพศทางเลือกมักจะโดนเรียกจะมีคำศัพท์ที่ใช้เรียกพวกเขาโดยเฉพาะ แม้จะไม่มีที่มาว่าใครคือผู้ที่คิดคำที่ไว้ใช้ล้อเรียนเพศทางเลือเหล่านี้ แต่ที่เรามั่นใจเลยก็คือคำเหล่านี้ไม่เป็นที่ยอมรับจากชาว LGBTQ เลยซักนิด พวกเขาได้แค่เพียงทนฟังเหล่าท่อยคำต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวหา และมีเพียงน้อยคนนักที่จะกล้าโต้ตอบ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันฝังรากลึกลงไปในสังคม โดยเฉพาะวงการลุกหนังอย่าง “ฟุตบอล” เพราะเคยมีเหตุการณ์ในอดีตที่นักฟุตบอลรายหนึ่งได้ประกาศตัวว่าเป็นชาว LGBTQ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้ฆ่าตัวตาย

กว่าจะมาเป็นกัปตันทีม

บทความฟุตบอล | โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์

ย้อนอดีตไปในช่วงวัยเด็กของ “โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์” เขาก็เป็นเสมือนเด็กหนุ่มทั่วไปที่เติบโตมาพร้อมกับฟุตบอล เขาค่อนข้างจริงจังกับกีฬาฟุตบอลเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นเด็กระดับหัวกระทิของประเทศเลยก็ว่าได้ เขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักเตะเยาชน ของทีมชั้นนำของประเทศอย่าง “บาเยิร์น มิวนิค” ก่อนที่จะย้ายมาเตะให้กับ “แอสตัน วิลลา” ในพลีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยเขาได้รับโอกาสที่จะแสดงฝีมือให้มากขึ้นกว่าเคย

“โธมัส” ได้รับโอกาสให้ขึ้นมาเป็นนักเตะตัวจริงของ “วิลลา” ในตำแหน่งกองกลางที่มีความเกรี้ยวกาด ดุดัน และมีไหว ทว่านั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดของเขา จุดแข็งจริง ๆ ของเขาคือพลังในการเตะที่รุนแรงต่างหาก แข้งซ้ายของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังถึงขั้นมีผู้คนมอบฉายาให้เขา “เดอะ แฮมเมอร์” (รุนแรงเหมือนใช้ค้อนทุบ) ฉายานี้ก็คงไม่เกินจริงเลยทีเดียว

ในช่วงที่เขาเล่นให้กับ “วิลล่า” นับว่าเป้นช่วงหนึ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และได้กลับไปเล่นที่ประเทศเยอร์มันอีกครั้งกับ “สตุ๊ดการ์ท” และในขณะนั้น “โธมัส” ก้ได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมจากสโมสรแห่งนี้ด้วยอีกเช่นกัน นับว่านับคือช่วงที่เขาขึ้นสู่จุดสูงสุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ แถมยังพาทีมคว้าถ้วนแชมป์เปี้ยนลีกสูงสุดของเยอะร์มันในปี 2007 ช่างเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจของผู้ที่ได้รับชัยชนะ “บุนเดสลีกา” แต่มันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ท้าทายที่สุดในชีวิต

มันเป็นเรื่องที่ตัวของเขาเองยังกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่ใช่ในฐานะนักฟุตบอล แต่ในฐานะของคน ๆ หนึ่ง เพราะ “โธมัส” เก็บความลับบางอย่าง ที่ไม่มีทางบอกใครเด็ดขาด เขาอาจจะมีพรสวรรค์ในการเตะฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบ หรือจะเป็นการพูดคุยเรื่องความฝันเกี่ยวกับการเป็นแชมป์ทั้งหลายแหล่ แต่นั่นสิ่งที่เขาไม่เคยได้เอ่ยปากพูดกับเพื่อนร่วมทีมเลยก็คือ “เขาเป็นเกย์”

ความกล้า?!

บทความฟุตบอล | โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์

โลกของเราตั้งแต่ยุค 2000s เป็นต้นมา หลาย ๆ อย่างช่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกระแส แนวคิด ค่านิยม ทุกอย่างล้วนหมุนเร็วขึ้น เมื่อทั้งโลกถูกเชื่อมต่อด้วย Internet ยุคนี้มันจึงยุคที่สามารถสื่อสารในสิ่งที่ตัวเองคิด และได้รู้จักกับผู้คนที่มีความคิดในทางเดียวกัน จนถือกำเนิดแวดวงสังคมที่แข็งแกร่งพอที่จะประกาศตัวเองให้โลกได้รู้

ในตอนนั้นนับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับ “โธมัส” เป็นอย่างที่จะเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจของเขามาตลอด ตอนนี้เสรีภาพทางความคิด เสรีภาพในการเป็นตัวของตัวเอง ได้รับการยอมรับกันมากขึ้น เช่นกับโลกที่เขาได้ประสบความสำเร็จอย่าง “ฟุตบอล” หลังจากจบภารกิจสั้น ๆ กับ เอฟเวอร์ตัน ในปี 2013 “โธมัส” ก็ประกาศอำลาวงการลูกหนัง จากนั้นหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาเก็บเอาไว้อย่างยาวนานก็ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะ

ในวันที่ 8 มกราคม ปี 2014 “โธมัส” ได้เผยกับสื่ออันดับ 1 ของเยอร์มันอย่าง “Bild” ว่า เขายอมรับถึงการเป็นเพศทางเลือกของตนเอง และได้ประกาศต่อสาธารณะว่า เขาเป็น “LGBTQ” และได้บอกเหตุผลที่พื่งจะมาบอกในตอนเขาอำลาวงการลูกหนังไปแล้ว

โธมัส ได้กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่เขาจะอยู่ใน อังกฤษ, อิตาลี, เยอร์มันก็ตาม แต่การที่เขาเป็น “LGBTQ” นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไปแล้ว ผมเห็นได้จากสิ่งที่มันเกิดขึ้นในแห่งแต่งตัวนักฟุตบอล ณ สมัยที่ผมยังเล่นอยู่”

โธมัส กล่าวต่อ “อย่างแรกที่ผมจะพูด คือ ผมไม่เคยอายในสิ่งที่ผมเป็น เพียงแค่คุณต้องยอมรับว่าสิ่งนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ชาย 20 คน ซึ่งพวกก็มักเล่าเรื่องตลกของผู้ชาย คุยเรื่องความเป็นชายชาตรี แต่ผมก็รับสิ่งเหล่านั้นได้ ตราบใดที่เรื่องตลกเหล่านั้นไม่ได้เหยียดผมเกินไป”

หลังจากนั้นเขาได้เล่าเหตุการณ์ที่เขาต้องเจอในห้องแต่งตัวนักฟุตบอล ที่เพื่อนร่วมทีมของเขาซักคนจะหยอกล้อเพื่อนนักเตะคนอื่นว่า “ไอ้ตุ๊ด” หากมีท่าทีที่เหยาะแหยะ หรือฟอร์มการเตะที่ไม่แข็งแรง ซึ่งนั่นก็เป็นคนพูดที่มันตกยุคไปแล้ว ตัวของเขาในฐานะกัปตันทีมมีสไตล์การเล่นที่ดุดันหนักหน่วง มันก็ทำให้เขามันใจถ้าหากเขามีโอกาสพูดถึงเรื่องนี้ เขาจะต้องแสดงมันออกมา เพื่อให้นักเตะที่เป็นชาว “LGBTQ” ไม่ต้องเจอสถานการณ์ที่น่าอึดอันเหมือนดั่งเขาในอดีตที่ผ่านมา

โธมัส ได้กล่าวว่า “คนที่เป็นเพศทางเลือกอย่าง LGBTQ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกมองข้ามในวงการลูกหนังกรอกนะ เพราะว่ามีอีกหลายคนที่พยายามรณรงค์ในหลาย ๆ เรื่อง แต่ปัญหาของเรื่องนี้มันก็แค่ผิวเผิน แต่ในห้องแต่งตัวนักกีฬาต่างหาก ที่มันจะเห็นได้ชัดที่สุด”

โธมัส กล่าวต่อ “พวกนักกีฬามักจะคุยหยอกล้อกันในห้องแต่งตัว และได้เปรียบเปยว่าท่าทีของแต่ละคนนั้นเหมือนผู้ที่เป็น LGBTQ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่คนตกยุคเขาทำกัน ผมคิดว่าใครก็ตามที่ดูผมลงสนาม เห็นฟอร์มการเล่นของผม พวกเขาคงไม่มีความคิดแบบนั่นแน่นอน”

โธมัส พยายามจะบอกกับทุกคนเข้าใจตรงกันว่า “ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาสำหรับผู้ชายเท่านั้น” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เพศใด หรือจะเป็นอะไรก็ช่าง คุณสามารถเป็นนักบอลที่ดีได้ ทุ่มเทกับการฝึกซ้อม และพยายามขึ้นมาเป็นผู้ชนะ ไม่ใช่แค่เกิดมาเป็นชายชาตรีเท่านั้นถึงจะเป็นแชมป์เปี้ยนได้”

 

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก 

ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @GURUCAFEV2