บทความฟุตบอล แรมซี่ย์ กับต้นสังกัดอาจจะแยกทางกันในเร็ววันนี้
ถึงจะไม่ได้มีการประกาศจากทางต้นสังกัดอย่างเป็นทางการก็ตาม
บทความฟุตบอล แรมซี่ย์ มิดฟิลด์วัย 31 ปี ได้ย้ายเข้ามาร่วมทัพ “ม้าลาย” ครั้งแรก โดยไม่มีสัญญาค่าเหนื่อย หลังจากที่ต้องย้ายออกจาก “อาร์เซนอล” ในปี 2019 หากนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวได้ย้ายเข้ามาร่วมทัพครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ดาวเตะสัญชาติเวลส์ กลับไม่สร้างมากสร้างความน่าเกรงขามให้ทีมคู่แข้งได้เลย
ในช่วงฤดูกาลนี้ เจ้าตัวได้กลายเป็นผู้เล่นส่วนเกิน ภายใต้นำทีมของ “มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขามีโอกาสได้ลงเล่นเพียง 5 นัด จากทุกราย อีกทั้งนายใหญ่อย่าง “เบี่ยงโคเนรี่” ก็ออกมาพูดต่อหน้าสื่ออยู่ครั้งว่าพร้อมปล่อย อดีตแข้งของ “ปืนใหญ่” ออกจากสโมสรในเดือนมกราคมนี้
อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่สามารถการันตรีได้ว่ายอดทีมจาก “ตูริน” จะสามารถปล่อยเขาออกไปได้ง่าย ๆ เช่นเดียวกัน
ทำไม? “ยูเวนตุส” ถึงอยากขาย
ปัญหาหลัก ๆ ที่ทำให้ “ยูเวนตุส” ไม่สามารถสลัด “แรมซีย์” ออกได้อย่างราบรื่น ก็เพราะเหตุ
จากค่าเหนื่อยที่สูงริบที่ทีมจาก “เซเรียอา” จ่ายให้ถึง 400,000 ล้านปอนด์ ต่อสัปดาห์ นับว่าเป็นตัวเลขที่มากเกินกว่าทีมส่วนใหญ่จะสามารถแบกรับภาระนี้ไหว
ถึงแม้ว่าแข้งวัย 31 ปี รายนี้ จะเป็นนักเตะคนสำคัญในทีมชาติเวลส์ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน เขากลับกลายเป็นผู้เล่นส่วนเกินสำหรับ “เบียงโคเนรี่” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในสมัยที่เจ้าตัวยังค้าแข้งกับ “อาร์เซนอล” เขาคือหนึ่งในผู้เล่นมิดฟิลด์ตัวหลักของทีม ที่สามารถส่งลูกหนังไปตุงตาข่ายทีมคู่แข้งกว่า 61 ประตู จากการแข่งขัน 259 นัด ในทุกรายการ ตลอด 11 ปีที่ค้าแข้งในลอนดอน และผลงานอันยอดเยี่ยมที่เคยได้สร้างไว้กับอดีตต้นสังกัด แต่ทว่าเจ้าตัวไม่สามารถสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมได้อีกเลยหลังย้ายมาค้าแข้งใน “อิตาลี”
ดาวเตะสัญชาติเวลส์์ ลงเล่นให้ “ยูเว่” เพียง 69 เกม นับตั้งแต่ย้ายเข้าร่วมทีมในปี 2019 เนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ บวกกับการแข่งขันเพื่อเบียดขึ้นมาเป็นตัวจริงในแดนกลางอันดุเดือดด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้โอกาสในการลงเล่นลดน้อยลงไปอีกในถิ่น “อัลติ อันซ์ สเตเดี้ยม”
อีกเจ้าตัวยังไม่ได้ลงเล่นให้กับ “ยูเวนตุส” อีกเลย นับตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา และเชื่อว่าเจ้าตัวก็รู้ดีว่าเขากำลังจะกลายเป็นส่วนที่ทีมไม่ได้ต้องการแล้ว
จะเอายังไงต่อกับอนาคต หรือควรกลับ พรีเมียร์ลีก ?!
ตลอดช่วงเดือนมกราคมนี้ มีหลายสโมสรใน “พรีเมียร์ลีก” ได้ตกเป็นข่าวกับ มิดฟิลด์สัญชาติเวลส์
ทั้ง ทีมเศรษฐีหน้าใหม่แดนผู้ดีอย่าง “นิวคาสเซิล” ที่หวังเสริมแกร่งในตลาดหน้าหนาวเพื่อหนีตกชั้น นอกจากนี้ก็ยังมี เบิร์นลี่ย์ หรือ คริสตัล พาเลซ ที่มี “พาทริค วิเอร่า” อดีตตำนานแข้ง “อาร์เซนอล” ที่เข้ามาดำลงตำแหน่งกุนซือในขณะนี้ ซึ่ง “โอเซียน โรเบิร์ต” ซึ่งเคยนั่งแท่นผู้อำนายการเทคนิคของทีมชาติเวลส์ เป็นผู้ช่วย ก็มีโอกาสที่จะได้ร่วมงานกัน
ในขณะที่การกลับไป “อิมิเรสต์ สเตเดี้ยม” แทบจะมีโอกาสเป็นไปไม่ได้เลย แต่ทว่าแข้งชาวเวลส์รายนี้ ก็ยังได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจาก เอฟเวอร์ตัน , ลีดส์ ยูไนเต็ด รวมไปถึงสโมสรจาก สเปน , เยอรมัน และ ฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบทางการเงินต่อเนื่องจากการระบาดของ Covid-19 และค่าเหนื่อยที่สูงริบของอดีตของ “ปืนใหญ่” การที่จะหวนคืนสู่ “พลีเมียร์ลีก” ก็น่ามีโอกาสมากกว่าการย้ายไปยังลีกอื่น ๆ ในยุโรป
ในเหล่าบรรดาทีมที่ตกเป็นข่าว “สาลิกาดง” คงเป็นทีมเดียวที่สามารถจ่ายค่าเหนื่อยของ “แรมซีย์” ไหว แต่ก็คงเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญสำหรับสโมสรแดนตะวันออกเฉียงเหนือ ในการดึงตัวเขามาร่วมทีมเช่นกัน เพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถการันตรีได้ว่าพวกเขาจะรอดจากการตกชั้นได้แน่ ๆ เมื่อมีเขาเข้ามาร่วมทีม
นอกจากนี้แล้ว ก็คงเป็นการยากที่จะได้เห็นทีมไหนสามารถตอบรับเงื่อนไขสัญญากปัจจุบันของ “แรมซีย์” ดังนั้นการย้ายทีมไม่ว่าจะแบบถาวร หรือการยืมตัว อาจจะขึ้นอยู่กับความเต็มใจของ “ยูเวนตุส” แล้ว ว่าจะช่วยแบกค่าจ้างของผู้เล่นรายนี้ ให้ยอดลดค่าเหนื่อยลง หรือไม่ก็อาจจะเป็นทั้งสองอย่างดังกล่าว
ส่วนสำคัญของฟุตบอล
นี่จะเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่ “แรมซีย์” อาจจะตั้องจริงจังให้มากขึ้น เกี่ยวกับอนาคตของเขา และรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้ แต่ทว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของเขานั้นมันซับซ้อนมากกว่าครั้งที่ผ่านมา จากการที่ทีมชาติเวลส์มีลุ้นไปเล่นฟุตบอลโลกในปี 2022
ทัพ “มังกรแดง” จะดวลกับ ออสเตรีย ในรอบเพลย์ออฟที่ “คาร์ดิฟฟ์” ในเดือนมีนาคมที่จะถึง และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะในรอบนี้ไปได้ ก็จะต้องเข้าไปดวลกับ สกอตแลนด์ หรือ ยูเครนเพื่อแย่งตั๋วเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ กาตาร์
นี่ถือว่าเป็นความหวังในการเข้าไปเล่นบอลโลกครั้งแรกของ เวลส์ ในรอบ 64 ปี และสำหรับมิดฟิลด์รายนี้เอง รวมไปถึง “แกเร็ธ เบล” แข้งดังร่วมชาติ ก็คงเป็นโอกาสครั้งแรก และครั้งสุดท้ายของพวกเขาในการมีส่วนร่วมกับทัวร์นาเม้นต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกลูกหนัง
ผู้เล่นทั้งสองยังคงอยากที่จะอยู่ในช่วงที่ตัวเองมีฟอร์มที่พีก ๆ สำหรับเกมเพลย์ออฟครั้งสำคัญของเวลส์ ซึ่งบางทีอาจจะกระตุ้นให้พวกเขาสามารถขจัดปัญหาเกี่ยวกับอนาคตในสโมสรให้เร็วที่สุดภายในเดือนนี้
ด้วยเหตุนี้ทำให้ “แรมซีย์” ยอมลดค่าเหนื่อย หรือไม่ก็ย้ายไปเล่นในทีมระดับกลางหรือแม้กระทั่งทีมหนีตกชั้นใน “พรีเมียร์ลีก” เพื่อที่จะได้มีโอกาสกลับมาลงสนามได้อย่างสม่ำเสมออีกครั้ง
และนั่นก็คงเป็นสิ่งที่ผู้จัดการทีมชาติเวส์ อย่าง “ร็อบ เพจ” รวมไปถึงเหล่าบรรดาแฟนบอลในประเทศ อยากเห็นผู้เล่นในดวงใจของพวกเขา กลับมาโชว์ฟอร์มเดือดอีกครั้งเช่นกัน
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก
ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @UFA88SV1