✪ บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด กับประเด็นหลังคว้าแชมป์ “แชมเปี้ยนส์ลีก” ✪

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด กับประเด็นหลังคว้าแชมป์ “แชมเปี้ยนส์ลีก”

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด พบกับ ลิเวอร์พูล ในศึก “แชมเปี้ยนส์ลีก” รอบชิงชนะเลิศ วันที่ 28 พฤษภาคม 2022 เวลา 02:00 ตามเวลาประเทศไทย สุดท้ายแล้วในเกมนี้ฝ่ายที่คว้าถ้วยแชมป์ไปครองก็คือ เรอัลมาดริด

รูปเกมเข้าแผนที่วางไว้

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด

ตลอดระยะเวลาเกมการแข่งขันนี้ “ลิเวอร์พูล” เป็นฝ่ายเปิดเข้าใส่ตามฟอร์มซึ่งก็เป็นไปตามที่หลาย ๆ คนคิดเอาไว้ ส่วนทางด้านของ “เรอัล มาดริด” แน่นอนว่าพวกเขายังคงยิดมั่นในเทคติคเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ช่วง 16 ทีมสุดท้าย เมื่อต้องเจอกับทีมคู่แข่งที่ใช้กลยุทธ์กระหนั่มรุกนั่น พวกเขาจึงต้องตั้งแผงหลังให้แน่หนา และอาซัยความเฉียบขาดของแนวหน้าในการเล่นเกมสวนกลับ โดยตลอดทั้งเกม “หงส์แดง” มีโอกาสจบสกอร์ได้มากถึง 22 ครั้ง ในขณะที่ “ราชันชดขาว” ยิงไปเพียง 3 ครั้งเท่านั้น แต่พวกเขาก็อาศัยความเฉียบขาดในการจบสกอร์เปลี่ยนโอกาสที่มีอยู่น้อยให้เป็นประตูชัยได้ และสุดท้ายก็เป็นฝั่งพวกเขาที่สามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 14 มาได้สำเร็จ

เรอัล เกือบทำประตูได้ตั้งแต่ครึ่งแรก

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด

ในศึกนี้มีประเด็นให้ได้พูดถึงกันอย่างเล็กน้อยในช่วงท้ายครึ่งแรก ในจังหวะที่ “เบนเซมา” ซัดลูกหนังเข้าตาข่ายไปได้แต่ถูกปรับให้เป็นลูกล้ำหน้าไปเซียก่อน ซึ่งในภายหลังก็เกิดข้อถกเถียงกันต่าง ๆ นา ๆ เพราะก่อนที่บอลจะมาถึง “เบนเซมา” นั้น “เฟเดริโก้ บัลบาเด้” เตะไปติดบล็อค “ฟาบินโญ” ทำให้เขาสัมผัสบอลเป็นคนสุดท้าย ซึ่งถ้าเป็นไปตามกฏกติกาแล้วลูกนี้จะไม่ถือว่าล้ำหน้าในทันที ถึงแม้ว่า “เบนเซมา” จะยืนเหลื่อมอยู่ก็ตาม แต่สำหรับกติกาใหม่ผู้ตัดสินจะสามารถประเมินเจตนาของ “ฟาบินโญ” ว่าการสะกัดบอลกระดอนออกไปในทิศทางไหน ไม่ใช่เป็นการจงใจส่งบอลคืนหลัง นั่นหมายความว่า “เบนเซมา” รับบอลจาก “บัลบาเด้” และกลายเป็นลูกล้ำหน้าไปในที่สุด

กูร์ตัวส์ เดอะแบกในแมทช์

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด

อย่างที่เราได้กล่าวไปในข้างต้นถึงเรื่องการจบสกอร์ของ “ลิเวอร์พูล” ที่มีโอกาสถึง 22 ครั้งด้วยกัน เป็นการยิงตรงกรอบไปถึง 9 ครั้ง แต่ทั้งหมดนั่นไม่สามารถรอดพ้นมือของ “ธีโบต์ กูร์ตัวส์” ไปได้เลยแม้แต่ลูกเดียว ซึ่งผู้รักษาประตูชาวเบลเยียมรายนี้ช่วยเซฟจังหวะสำคัญไว้มากมาย ทั้งลูกยิงของ “ซาดิโอ มาเน” ที่พุ่งปัดไปชนเสาอย่างหวุดหวิด แถมยังมีอีกหนึ่งที่ต้องดวลตัวต่อตัวกับ “ซาลาห์” ที่หลุดเดี่ยวเข้ามาในช่วงครึ่งหลังที่ล้มตัวบล็อคไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แน่นอนว่าหากไม่ได้นายมือกาวคนนี้ ก็มีความเป็นไปได้ว่า “ลิเวอร์พูล” อาจะเป็นคนที่ชูถ้วยแชมป์ในครั้งนี้เสียเอง

คาร์โล อันเชล็อตติ ทำสถิติใหม่ได้สำเร็จ

บทความฟุตบอล เรอัล มาดริด

จากการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ของ “เรอัล มาดริด” ส่งผลให้ “คาร์โล อันเชล็อตติ” สร้างสถิติใหม่ด้วยการเป็นกุนซือที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้มากที่สุดตลอดกาล ด้วยสถิติ 4 สมัย ซึ่งยังไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน โดยเกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ “เอซี มิลาน” สองครั้งในปี 2003 และ 2007 กับ “ราชันชุดขาว” อีกสองครั้งในปี 2014 และ 2022 ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวทำสถิติที่สามสมัยเท่ากับสถิติของ “ซีเนดีน ซีดาน” ที่เคยพา “เรอัล มาดริด” คว้าแชมป์ 3 สมัยซ้อน และ “บ็อบ ไพสลีย์” ผู้จัดการทีมระดับตำนานของ “ลิเวอร์พูล” ที่เคยทำได้ในปี 1988 และ 1981 นั่นเอง

ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก 

ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา

รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @UFA88SV1