บทความฟุตบอล มาร์คัส แรชฟอร์ด ดาวรุ่งจาก “แมนชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
ดาวเด่นที่คงฟอร์มเก่งของตัวเองไว้ได้ไม่นาน
บทความฟุตบอล มาร์คัส แรชฟอร์ด ปัจจุบันเจ้าตัวมีค่าตัวอยู่ที่ 148 ล้านยูโร เจ้าหน้าที่ CIES ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่าในช่วงตลอดระยะเวลา 1 ปี เจ้าตัวสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับการยิงประตูให้กับ “แมนฯ ยูไนเต็ด”
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สถานบันจัดอันดับชั้นนำในวงการฟุตบอล (CIES Football Observatory) ได้มีการเปิดเผยค่าตัวของนักเตะระดับโลกออกมามากมาย ซึ่งมีข้อกำหนดก็คือความสามารถ อายุ รวมถึงเวลาเซ็นสัญญาที่เหลือกับสโมสรต้นสังกัด ได้นำมาเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินใจ
อีกทั้งยังได้รับการชื่นชมในด้านของการให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษาสำหรับเด็กผู้ยากไร้ ในสถานการณ์โควิดกำลังระบาด ทำให้เขาได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมแห่งปี จาก BBC เพื่อเป็นการยกย่องในการอุทิศตน และความเห็นใจแต่เพื่อนมนุษย์ในครั้งนี้ด้วย
นักกีฬาฟุตบอลที่มีภาพลักษณ์ที่ดี และเป็นแบบอย่างที่ได้ให้แก่คนในสังคม แน่นนอนว่าเขาต้องมาพร้อมกับค่าเหนื่อยที่สูงเอามาก ๆ เจ้าตัวไม่ได้มีเรื่องดี ๆ แค่เพียงในสนามเท่านั้นแต่ภายนอกสนามเขายังได้การยอมรับจากผู้คนอีกต่างหาก หากสโมสรไหนมีผู้เล่นเยี่ยงเขานั่นหมยถึงสโมสรแห่งนั้นจะมีราศีจับอย่างแน่นอน
ลือ หนึ่งในคณะกรรมการอย่าง “เอ็ด วู้ดเวิร์ด” เป็นปลื้มในตัวนักเตะรายนี้ที่สุด
เนื่องจากมีกระแสที่ส่งถึงสโมสร “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” อีกทั้งยังต่อยอดการตลาดได้อย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นเขายังได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE ในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม นับว่าเป็นความภูมิใจของวงศ์ตระกูล และได้กลายเป็นบุคคลสำคัญที่รับการยกย่องในทันที
ซึ่งเขาก็ยังคงทำหน้าที่อย่างสม่ำเสมอมีการก่อตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือร่วมกับ FareShare ที่เป็นมูลนิธีเพื่อการกุศลขนาดใหญ่ที่ช่วยเหลือในด้านของ การขาดแคลนอาหารของเด็กผู้ยากไร้ ซึ่งเราก็เห็นได้แล้วว่าเขาทำเรื่องนี้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของตัวเอง
ถึงแม้เขาจะมีอายุเพียง 25 ปี แต่หลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกว่าเขามีความเป็นผู้ที่มากกว่านักเตะในสนามหลาย ๆ คนเสียอีก เขาสามารถตระหนักถึงปัญหาที่มีในสังคมแล้วนำชื่อเสียงของตนไปใช้ในทางที่ถูกต้อง ทั้งการช่วยเหลือผู้คน และเพื่อนมนุษย์ที่กำลังตกที่ลำบาก
รวมไปถึงแฟนบอลของ “ลิเวอร์พูล” ที่เป็นคู่ของตัวฉกาดของพวกเขายังเอ่ยปากชมถึงการกระทำของเขา ถึงขนาดจะทำป้ายขอบคุณไปติดบริเวณของแอนฟิลด์เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากโครงการของเขาสามารถช่วยเหลือเด็กที่ยากไร้ได้เป็นจำนวนมาก
ไม่เพียงเท่านั้น “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ยังถูกจับตามองว่าจะสามารถพัฒนาแข้งของเขาไปได้ถึงระแถวหน้าของโลก หลังจากที่สามารถผลงานที่โดดเด่นออกมาได้ตั้งเริ่มเข้าสู่วงการ เขาได้ร่วมเล่นกับทีมชุดใหญ่ของ “แมนฯ ยูไนเต็ด” เมื่อปี 2014 ในขณะนั้นมีอายุได้ 19 ปีเท่านั้น
ในเวลาต่อมา “หลุยส์ ฟานกัล” ผู้จัดการทีมในขณะนั้นได้ให้โอกาสเขาได้ลงสนามในศึก “ยูโรปา ลีก” ในช่วง 30 นาทีสุดท้าย ซึ่งได้สร้างผลงานที่น่าพอใจในการทำประตูคนเดียวถึง 2 ปรตูด้วยกัน จึงทำให้ทัพ “ปีศาจแดง” คว้าชัยด้วยสกอร์ 5-1 กว้าตั๋วเข้ารอบไปได้อย่างใสสะอาด อีกทั้งเจ้าตัวยังสร้างสถิตินักเตะของสโมสรที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถทำประตูได้ในถ้วยยุโรป
อีกไม่กี่เดือนต่อมา “แรชฟอร์ด” ได้ถูกยกย่องให้เป็นดาวซัลโวที่ทำประตูในศึกการแข่งขัน “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้” ช่วยให้ต้นสังกัดสามารถคว้าชัยจาก “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ได้ด้วยสกอร์ 1-0 สร้างสถิติอายุน้อยที่สุดในการคว้าศึกคู่เมืองได้อีกด้วย
เขาจบฤดูกาลที่ 2016 / 2018 ได้ทำประตูไปทั้งหมด 10 ประตูจากการลงเล่นกว่า 18 เกม ได้รับการขนานนามว่า “วันเดอร์คิด” หรือเจ้าหนูฟอร์มระเบิดคนใหม่ของวงการลูกหนัง ไม่เพียงเท่านั้น “รอย ฮ็อดจ์สัน” ยังเรียกเข้ามาร่วมกับทีมชาติอังกฤษเพื่อสู่ศึก “ยูโร” 2017 ในรอบสุดท้ายอีกด้วย
เพียงระยะเวลาเพียง 6 เดือน ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดด จากนักเตะโนเนมที่ยังไม่มีใครรู้จักเขา ได้กว้ากระโดดขึ้นสู่ดาวเด่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ซึ่งหลาย ๆ คนก็คิดว่ามันเร็วเกินไป จนมีผลกับทัศนิคติของเขา
จุดเปลี่ยนหลัง “รา์ลฟ รังนิค” เข้ามาคุมทัพ
ปาทริช เอวร่า ที่เคยเป็นหัวหอกของทีมได้ออกมาพูดอย่างเปิดเผยว่า เขาอยากให้ “รังนิค” ปรับทัศนคติกับสมาชิกในทีม “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” โดยเฉพาะกับ “มาร์คัส แรชฟอร์ด” ที่อาจต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น “เอวร่า” ได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่าในหลาย ๆ เกมที่มีการเล่นที่ไม่ดีเท่าที่ควร มักจะมีนักเตะบางคนกลายเป็นเป้านิ่งอย่าง “ปอล ป็อกบา” ก็เคยโดนยัดเยียดอยู่บ่อย ๆ เป็นที่น่าแปลกใจว่าผลงานของมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสกลับแย่
ทั้งทีค่าจ้างกลับสูง แต่การเล่นกลับสวนทางกับค่าจ้าง และอีกในหลายการแข่งขัน “แรชฟอร์ด” กลับคาดหวังอะไรไม่ได้เช่นกัน แทนที่จะเป็นตัวหลักของทีม และช่วยเหลือทีม ในสถานการณ์คับขันกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาของทีมไปซะงั้นฃ
ผ่านไปหลายเกมแล้วแต่ก็ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งยังคงเล่นรูปแบบเดิม ๆ เสมือนหลับหูหลับตาเลี้ยงบอลเพียงอย่างเดียว ราวกับว่ามั่นใจในฝีเท้า รวมถึงความว่องไวของตัวเองมากเกินไป ซึ่งแฟนบอลจะได้เห็นเหตุการณ์ซ้ำ ๆ ก็คือ ถูกทีมคู่แข่งสกัดแย่งบอลไปได้ง่าย ๆ
จากนั้นก็จะวิ่งเหยาะ ๆ ทิ้งให้คนภายในทีมต้องพยายามหาวิธีแย่งลุกคืนมา โดยไม่ได้สนใจที่จะแย่งบอลคืนกลับมาด้วยตนเองเอาเสียเลย อีกทั้งยังไม่คิดที่จะสื่อสารกับคนภายในทีม เขาไม่สนใจใครทั้งนั้น ทำเหมือนว่าตัวเองนั้นเป็นจุดศูนย์กลางของการแข่งขันในแต่ละเกม
หากหลายคนมองย้อนกลับไปดูในเหตุการณ์ช่วงแรก ๆ ที่ได้เคยถูกยกย่อง และรวมไปถึงการถูกยกย่องว่าจะเป็นสตาร์คนต่อไปของวงการลูกหนัง คงต่างพากันรู้สึกเสียดายไม่น้อย โดยเฉพาะแฟนของ “ปีศาจแดง”
สถานการณ์ในอนาคต ผู้จัดการทีม “แมน ยูไนเต็ด” จะมีวิธีแก้ไขสถานการณ์ภายในอย่างไร ซึ่งเราก็ยังคงมองไม่เห็นทางสว่างอยู่ดีหลังผ่านไป 1 ปี จากนักเตะที่มีค่าตัวสูงสุดตอนนี้กลับกลายเป็นว่าไม่ติดอยู่ในอันดับท็อปเท็นด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องนี้ “แรชฟอร์ด” คงได้รับบทเรียนราคาแพงจากตัวเองแน่นอน
ติดตามข่าวสารฟุตบอลไปกับกูรูคาเฟ่ คลิก
ให้ฟุตบอลเป็นมากกว่ากีฬา
รับทีเด็ดแม่นๆ ส่งตรงจากคอลัมนิสต์ตัวจริง
คลิกเลย @UFA88SV1